วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559

รถโดนฝนแล้วไม่ล้าง ระวังสีพังไม่รู้ตัว

ถือเป็นความเข้าใจผิด ที่คิดว่าหน้าฝนล้างรถไปก็เสียเงิน เสียเวลา เพราะเดี๋ยวฝนก็ตกอีก เลยทิ้งปล่อยรถเลอะเป็นคราบทั้งดินทั้งโคลนเกาะหนา และผลที่ตามมาคือสีพัง


เพราะการทำแบบนั้นมันทำร้ายความเงางามของสีรถอย่างรุนแรงเลยเนื่องจาก “น้ำฝนมีฤทธิ์เป็นกรด” กัดสีรถให้หมอง ไม่เงางาม หรือถึงขั้นสีซีด ดังนั้นสิ่งที่เราควรกระทำก็คือการล้างทำความสะอาดรถหลังตากฝนทุกครั้ง(ถ้าเป็นไปได้) หลายคนจะบอกว่า งั้นฝนตกทุกวันนี้ ไม่ต้องล้างทุกวันเลยหรอ

ผมจึงรวบรวมวิธีมาแนะนำการดูแลรักษารถให้สีคงความสด ความเงา ในช่วงหน้าฝนที่ทำเองได้ง่ายๆใช้เวลาไม่มากครับ

1.หมั่นล้างรถอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังลุยฝนมา เพื่อลดการเกิดคราบฝังแน่น แต่หากไม่มีเวลามาก แนะนำให้ใช้สายยางฉีดไล่ฝุ่น โคลน ทั้งตัวรถและใต้ท้องรถ ไล่คราบน้ำฝนออกไป และใช้ผ้าเช็ดสะอาดให้แห้ง
2.เมื่อขับรถลุยฝนมาแล้ว พยายามอย่าจอดรถตากแดด เพราะจะเป็นการทำร้ายสีรถซ้ำเข้าไปอีก แสดงแดดจะทำให้คราบน้ำฝนแห้ง ฝังตัวแน่น และกัดลงลึกถึงเนื้อสีได้ โดยเฉพาะสีขาวนี้จะหมองเร็วมาก
3.ไม่ควรนำผ้าแห้งมาเช็ดรถในทันทีหลังลุยฝนมา บางคนเห็นฝนตกหนักรถเปียกชุ่มก็เช็ดซะเลย นี้คือสาเหตุของขนแมวเลย จริงๆแล้วในขณะที่ฝนตกนั้น จะมีฝุ่น ทราย โคลนมา เกาะที่ผิวรถด้วย (ฝนไม่ได้มีแค่น้ำสะอาดๆนะ)
4.ไม่ควรล้างในช่วงค่ำๆ เพราะบางครั้งน้ำที่ตกค้างอยู่ตามซอกซึ่งอาจทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง อาจเป็นสาเหตุทำให้รถเป็นสนิมได้ โดยเฉพาะรถที่มีอายุแล้วจะเป็นสนิมได้ง่ายมากหากมีน้ำขัง
5.แนะนำให้เคลือบสีรถอย่างน้อยเดือนละครั้ง การเคลือบสีนอกจากจะทำให้รถเงาแล้ว ยังช่วยป้องกันทั้งแสงแดดและคราบน้ำฝน หากเคลือบสีบ่อยๆ น้ำจะไม่เกาะที่ตัวรถ จึงช่วยลดการเกิดคราบ และทำให้ล้างรถได้ง่ายขึ้น


อย่าปล่อยให้ความขี้เกียจ ความเสียดายเงินเล็กๆน้อยๆทำลายสีรถที่รักเลยครับ เชื่อเถอะว่า การดูแลรักษารถ มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการทำสีใหม่แน่นอน อย่างน้อยฉีดน้ำซักนิด เช็ดให้สะอาดหน่อย เสียเวลาไม่มากแน่นอนครับ



สนใจสั่งซื้อพวงกุญแจซิ่ง
โทร: 0817354077
Line: sun_zz_220
https://www.facebook.com/sunkeyzing